‘กิรเดช’ตั้งเป้าแชมป์ดีพีเวิลด์ทัวร์ กรุยทางกลับพีจีเอทัวร์
ความร่วมมือระหว่างดีพีเวิลด์ ทัวร์ และทัวร์กอล์ฟอาชีพในภูมิภาคเอเชีย ถือเป็นเส้นทางใหม่ในการพัฒนากีฬากอล์ฟและสร้างแรงบันดาลใจกับนักกอล์ฟดาวรุ่งของเอเชีย มุ่งสู่เวทีการแข่งขันระดับโลกอย่างพีจีเอทัวร์ ขณะที่ กิรเดช อภิบาลรัตน์ โปรกอล์ฟชื่อดังของไทย หวังครองแชมป์ดีพีเวิลด์ ทัวร์ เพื่อเป้าหมายกลับคืนสู่สังเวียนพีจีเอทัวร์
ในช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้าการแข่งขันกอล์ฟ ดีพีเวิลด์ ทัวร์ จะชิงชัยกันที่ประเทศญี่ปุนและจีน ซึ่งเป็นหนึ่งของเอเชียน สวิง 4 รายการ ที่รวมสิงคโปร์และอินเดียด้วย ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญสำหรับนักกอล์ฟในสี่ประเทศนี้ ในการสานฝันก้าวสู่การแข่งขันในระดับที่สูงขึ้น
จากความร่วมมือกับเจแปน กอล์ฟ ทัวร์ ออร์แกไนเซชั่น (เจจีทีโอ), โคเรียน พีจีเอทัวร์, สมาคมกอล์ฟแห่งประเทศจีน และพีจีเอ ออฟ ออสเตรเลีย ให้สิทธิ์นักกอล์ฟมือหนึ่งของแต่ละทัวร์ เข้าร่วมแข่งขันในดีพีเวิลด์ ทัวร์ และผู้เล่นที่จบในท็อป 10 ของดีพีเวิลด์ ทัวร์ เรซ ทู ดูไบ (นอกเหนือจากผู้ที่ได้รับสิทธิ์อยู่แล้ว) จะได้รับพีจีเอ ทัวร์การ์ด ร่วมชิงชัยในเวทีพีจีเอ ทัวร์ ด้วย
กาวิน กรีน โปรกอล์ฟจากมาเลเซีย ที่ร่วมแข่งขันในดีพีเวิลด์ ทัวร์ นับตั้งแต่ปี 2018 กล่าวว่า “แน่นอนว่า พีจีเอทัวร์ คือทัวร์กอล์ฟอาชีพที่ดีที่สุด ผมคิดว่าเด็กทุกคนที่เล่นกอล์ฟล้วนใฝ่ฝันถึงการเข้าไปเล่นในพีจีเอทัวร์ และการให้สิทธิ์นักกอล์ฟที่ทำผลงานใน 10 อันดับแรกของดีพีเวิลด์ ทัวร์ เข้าสู่พีจีเอทัวร์ คือแรงจูงใจที่ยอดเยี่ยม”
การผนึกกำลังความร่วมมือระหว่างดีพี เวิลด์ ทัวร์ และ พีจีเอทัวร์ นอกจากเป็นการเพิ่มโอกาส เพิ่มเวทีการแข่งขัน และเพิ่มเงินรางวัลชิงชัย ยังเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับระบบคุณธรรม เน้นความสามารถ ความเสมอภาค หากเล่นดีเป็นนักกอล์ฟหมายเลขหนึ่งของประเทศ ก็จะได้เลื่อนชั้นไปเล่นในดีพีเวิลด์ ทัวร์ หรือยูโรเปียน ทัวร์ เดิม ซึ่งมีโปรแกรมการแข่งขัน 44 รายการทั่วโลก ชิงชัยเงินรางวัลรวม 150 ล้านเหรียญสหรัฐ และหากจบใน 10 อันดับแรกของดีพีเวิลด์ ทัวร์ แรงกิง จะได้ตั๋วลุยพีจีเอทัวร์ต่อ
สำหรับการแข่งขันรายการ ไอเอสพีเอส ฮันดะ แชมเปียนชิพ ที่โกเทมบะ ประเทศญี่ปุ่น ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ ในสัปดาห์นี้ จะได้เห็น เคอิตะ นากาจิมะ อดีตนักกอล์ฟสมัครเล่นอันดับหนึ่งของโลก ลุ้นทำผลงานเพื่อคว้าแชมป์ดีพีเวิลด์ ทัวร์ รายการที่สองของตัวเอง หลังจากชนะเลิศรายการ ฮีโร อินเดียน โอเพ่น ด้วยการออกนำม้วนเดียวจบเมื่อช่วงปลายเดือนที่แล้ว ขณะที่ กิรเดช อภิบาลรัตน์ โปรกอล์ฟชื่อดังของไทย รองแชมป์รายการ พอร์ช สิงคโปร์ คลาสสิค เข้าร่วมแข่งขันที่ญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน
โดยนากาจิมะ ตั้งเป้าคว้าตั๋วเข้าไปเล่นในเวทีพีจีเอทัวร์ หลังจากได้แชมป์ดีพีเวิลด์ ทัวร์ ในฤดูกาลนี้เช่นเดียวกับ ริยูกะ โฮชิโนะ เพื่อนร่วมชาติ ในรายของโฮชิโนะ ชนะที่กาตาร์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และได้รองแชมป์อีกสองรายการ ทำให้ปัจจุบันรั้งอันดับ 2 ของตารางดีพีเวิลด์ ทัวร์ แรงกิ้ง
นากาจิมะ วัย 23 ปี เชื่อว่าเส้นทางใหม่สู่เวทีพีจีเอทัวร์ กลายเป็นแรงผลักดันให้กับนักกอล์ฟในภูมิภาคเอเชียในการไล่ล่าความฝัน สร้างประวัติศาสตร์และสร้างตำนานในเวทีระดับโลก
“ผมขอบคุณเจแปน กอล์ฟ ทัวร์ ออร์แกไนเซชัน และ ดีพีเวิลด์ ทัวร์ การได้ทราบว่าหากจบฤดูกาลในอันดับ 1 ของตารางเงินรางวัลสะสมของเจแปน กอล์ฟ ทัวร์ จะได้สิทธิ์เข้าไปเล่นในดีพีเวิลด์ ทัวร์ ช่วยเพิ่มแรงจูงใจกับนักกอล์ฟพยายามทำผลงานให้ดีขึ้น นักกอล์ฟญี่ปุ่นหลายคนมองถึงโอกาสที่จะเข้ามาเล่นในดีพีเวิลด์ทัวร์ เพื่อเป็นบันไดสู่พีจีเอทัวร์ต่อไป ผมหวังว่าจะสามารถรักษาฟอร์มการเล่นได้ดีอย่างต่อเนื่องและคว้าสิทธิ์ผ่านเข้าไปเล่นในพีจีเอทัวร์ได้สำเร็จ และเป็นตัวอย่างให้กับผู้เล่นญี่ปุ่นคนอื่นๆ ที่มีเป้าหมายแบบเดียวกัน” นากาจิมะ กล่าว
ทางด้าน “โปรอาร์ม” กิรเดช อภิบาลรัตน์ ที่เสียทัวร์การ์ดพีจีเอทัวร์เมื่อปี 2022 หลังจากเข้าร่วมแข่งขันในสหรัฐอเมริกา 4 ฤดูกาล ได้กลับมาลงเล่นในดีพีเวิลด์ ทัวร์ อย่างเต็มตัวเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา และเริ่มกลับมาคืนฟอร์มอีกครั้งโดยได้รองแชมป์รายการ พอร์ช สิงคโปร์ คลาสสิค เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และเจ้าตัวตั้งเป้าคว้าแชมป์ดีพีเวิลด์ทัวร์ รายการที่ 5 ในอาชีพ เพื่อปูทางกลับสู่สังเวียนพีจีเอทัวร์
กิรเดช เผยก่อนร่วมแข่งขันรายการไอเอสพีเอส ฮันดะ แชมเปียนชิพ ที่ญี่ปุ่น ในสัปดาห์นี้ว่า “เรื่องการกลับไปเล่นในพีจีเอทัวร์ ผมจะปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ผมแค่มุ่งมั่นกับการคว้าแชมป์ดีพีเวิลด์ ทัวร์ อีกครั้ง การชนะในดีพีเวิลด์ ทัวร์ คือเป้าหมายของผมในฤดูกาลนี้ ผมเล่นได้ดีที่สิงคโปร์ และรู้สึกเหมือนกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีอีกครั้ง และเชื่อว่าจะสามารถทำได้ดีกว่าเดิม”
หลังจบการแข่งขันที่ญี่ปุ่นในสัปดาห์นี้ สัปดาห์หน้าจะเป็นการแข่งขันรายการ วอลโว่ ไชนา โอเพ่น หวนคืนเวทีแข่งขันอีกครั้งหลังห่างหายไป 4 ปี โดยทั้ง หลี เฮาตง และ หวู อาซุน ต่างตื่นเต้นที่จะได้กลับมาลงเล่นในประเทศบ้านเกิด
สำหรับ หลี เฮาตง วัย 28 ปี คว้าแชมป์ดีพีเวิลด์ทัวร์ มาแล้ว 3 รายการ จบอันดับ 3 กอล์ฟเมเจอร์ ดิ โอเพ่น แชมเปียนชิพ เมื่อปี 2017 และเป็นนักกอล์ฟจีนคนแรกที่ติดทีมนานาชาติร่วมแข่งขันรายการเพรสซิเดนต์ส คัพ ในปี 2019 ทว่าสองปีที่ผ่านมาเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก ไม่ผ่านตัดตัวหลายรายการ แต่ล่าสุดเริ่มส่งสัญญาณการกลับสู่ฟอร์มเดิม และมีโอกาสลุ้นคว้าตั๋วเข้าไปเล่นในพีจีเอทัวร์ ซึ่งเจ้าตัวยังไม่เคยทำได้
หลี เหาตง กล่าวว่า “มีคนคอยให้การสนับสนุนและกำลังใจผมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อ คุณแม่ เพื่อนๆ ทุกคนพยายามบอกว่าผมมีดีและผมทำได้ ผมยังคิดถึงการคว้าแชมป์ครั้งสำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดเมื่อปี 2018 ในรายการดูไบ เดสเสิร์ท คลาสสิค ผมยังคงคิดถึงชัยชนะครั้งนั้นเสมอ หากผมทำงานหนักและยังไม่สามารถทำอะไรได้ ผมคงต้องหาอะไรอย่างอื่นทำ แต่ผลการแข่งขันบอกให้ผมเดินหน้าสู้ต่อไป”