แพตตี้จบท็อปเทนอีก ‘กรีน’แซงซิวแอลพีจีเอเอชเอสบีซี

“แพตตี้” ปภังกร ธวัชธนกิจ เก็บ 4 เบอร์ดี้ในช่วงเก้าหลุมสุดท้ายก่อนจบรอบ 5 อันเดอร์พาร์ 67 รวมสี่วัน 7 อันเดอร์พาร์ 281 จบอันดับแปดร่วมดีสุดในบรรดาสาวไทย ส่วนแชมป์ ฮานนาห์ กรีน สาวออสเตรเลียนเก็บ 3 เบอร์ดี้ในสามหลุดสุดท้ายแซงปาดหน้า เซลีน บูติเยร์ จากฝรั่งเศส 1 สโตรก คว้าแชมป์แอลพีจีเอรายการที่สี่ในอาชีพ ในศึกเอชเอสบีซี วีเมนส์ เวิลด์ แชมเปียนชิพ 2024 ชิงเงินรางวัลรวม 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 63 ล้านบาท ณ สนามเซนโตซา กอล์ฟ คลับ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา 

ปภังกร ธวัชธนกิจ แชมป์แอลพีจีเอ 2 รายการวัย 24 ปีออกสตาร์ตรอบสุดท้ายด้วยการตามหลังผู้นำถึง 8 สโตรก ในช่วงเก้าหลุมแรกทำ 3 เบอร์ดี้แต่เสียคืนไป 2 โบกี้ ก่อนมาร้อนแรงในเก้าหลุมหลังด้วยการเก็บเพิ่มอีก 4 เบอร์ดี้ ก่อนขึ้นคลับเฮ้าส์ 5 อันเดอร์พาร์ 67 รวมสี่วัน 7 อันเดอร์พาร์ 281 จบอันดับแปดร่วมกับ อายากะ ฟูรูเอะ นักกอล์ฟญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้นำหลังจบรอบสามที่ในวันสุดท้ายตีเกินไป 3 โอเวอร์พาร์ 75

โปรเหมียว ปภังกร กล่าวว่า “พอใจค่ะ เพราะเข้าสัปดาห์นี้มาไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองพร้อมกับการตีเลย รู้สึกว่าร่างกายไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ มันจะมีกล้ามเนื้อบางจุดที่ตัวเองรู้สึกว่ามันไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์และรู้สึกว่าตีไม่เหมือนเดิม  รู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่ตีได้ปกติที่สุดตั้งแต่เล่นมา 4 วัน เล่นได้เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น และไม่เหนื่อยเหมือนสามวันที่ผ่านมา ก็ภูมิใจค่ะที่ดึงตัวเองกลับมาจบในอันดับท็อปเท็นได้ จริง ๆ ในสัปดาห์นี้ตีดี แต่ก็มีสามพัตต์ทุกวัน ถ้าไม่มีสามพัตต์ก็น่าจะมีลุ้นค่ะ”

ตำแหน่งแชมป์เป็น ฮานนาห์ กรีน สาววัย 27 ปีจากออสเตรเลีย ที่เก็บ 3 เบอร์ดี้ในสามหลุมสุดท้ายก่อนจบวันสุดท้าย 5 อันเดอร์พาร์ 67 รวมสี่วัน 13 อันเดอร์พาร์ 275 เฉือนชนะ เซลีน บูติเยร์ (67) จากฝรั่งเศส ที่จบขึ้นมาก่อนเพียงสโตรกเดียว คว้าแชมป์แอลพีจีเอทัวร์รายการที่สี่ในอาชีพ เป็นชัยชนะในรอบเกือบ 1 ปี ต่อจากชัยชนะในรายการแอลเอ แชมเปียนชิพ 2023 และเป็นครั้งแรกที่เธอชนะแอลพีจีเอในทวีปเอเชีย

กรีน ที่คว้าเงินรางวัล 270,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9.5 ล้านบาท สำหรับชัยชนะรายการแรกในรอบ 317 วันกล่าวว่า “ฉันออกสตาร์ตวันแรกไม่ดีนักตีเกินไปสอง แม้ตามหลังผู้นำ 6 สโตรก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่  สภาพสนามที่นี่ค่อนข้างยาก แต่ก็มีหลายหลุมที่สามารถทำแต้มได้ วันนี้ตั้งใจเล่นเกมของตัวเอง มีโอกาสเล่นเกมบุกและพัตต์ทำแต้ม และพัตต์ได้อย่างมั่นใจ ซึ่งช่วงรอบหลังพัตต์ได้ดีมาก โดยเฉพาะที่หลุม 16 ทำให้มั่นใจและเก็บสามเบอร์ดี้ติด ที่หลุมสุดท้ายตั้งใจว่าต้องพัตต์เบอร์ดี้ให้ลงเพื่อไม่ต้องไปเพลย์ออฟกับเซลีน ดีใจที่ได้มาชนะที่เอเชียเป็นครั้งแรก และคว้าแชมป์ได้ค่อนข้างเร็วตั้งแต่ช่วงต้นของฤดูกาล”

ส่วนผลงานของนักกอล์ฟไทยคนอืน ปาจรีย์ อนันต์นฤการ จบรอบสุดท้าย 3 อันเดอร์พาร์ 69 รวมสี่วันจบอันดับสิบสามร่วมที่ 6 อันเดอร์พาร์ 282, เอรียา จุฑานุกาล (72) จบอันดับยี่สิบสองร่วมด้วยสกอร์ 3 อันเดอร์พาร์ 285, ชเนตตี วรรณแสน (68) จบอันดับยี่สิบเก้าร่วมที่ อีเวนพาร์ 288 และ จัสมิน สุวัณณะปุระ (73) จบอันดับสามสิบสี่ร่วมที่สกอร์ 1 โอเวอร์พาร์ 289