กองทัพไทย จับมือ สิงห์สะพานปลา คัดแข้งรุ่น 14 ปี
กองทัพไทย จับมือทีม “สิงห์สะพานปลา” ร.ร.วัดสุทธิฯ เปิดคัดเลือกตัวนักเตะรุ่นอายุ 14 ปี เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จปีการศึกษา 2567 มีนักเตะฝีเท้าดีจากทั่วประเทศกว่าครึ่งพันเข้าร่วม เพื่อแย่งชิงโควต้ากันอย่างคึกคัก
ความเคลื่อนไหวทีมลูกหนังขาสั้นระดับท็อปไฟว์ของเมืองไทยเจ้าของฉายา “สิงห์สะพานปลา” โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ที่มีประวัติศาตร์เกี่ยวกับเกมลูกหนังมาอย่างนานเกือบ 40 ปี หลังสร้างผลงานได้เป็นอย่างดีและต่อเนื่องในการแข่งขันฟุตบอลนักเรียนรายการต่างๆ เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา สำหรับปีการศึกษาใหม่ 2567 นั้น ทาง “ผอ.ยะ” ดร.อัฏฐผล ถิรพรพงษ์ศิริ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสุทธิฯ ได้เปิดไฟเขียวให้ทางทีมงานสตาฟฟ์โค้ชสามารถคัดเลือกตัวนักเตะฝีเท้าดี ที่มีความสนใจอยากมาศึกษาเล่าเรียนและเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสำเร็จให้กับสถาบันแห่งนี้ โดยเฉพาะนักเตะรุ่นจิ๋วอายุ 14 ปี หรือ เกิดปี 2553 ได้มาทดสอบฝีเท้าเพื่อแย่งชิงโควต้าดังกล่าวเหมือนทุกปีที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 17 ก.พ.2567 ที่ผ่านมา ณ สนามฟุตบอล กองบัญชาการกองทัพไทย “บิ๊กเอก” พลตรีกฤตพันธุ์ รักใคร่ ผู้อำนวยการสำนักสวัสดิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ร่วมมือกับทีมฟุตบอล “สิงห์สะพานปลา” ร.ร.วัดสุทธิฯ ภายใต้แกนนำของ “ผอ.ยะ” ดร.อัฏฐผล ถิรพรพงษ์ศิริ ผอ.โรงเรียนวัดสุทธิฯ เปิดทำการคัดเลือกตัวนักเตะอายุ 14 ปีอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว โดยมีนักฟุตบอลรุ่นจิ๋วฝีเท้าดีจากทั่วประเทศจำนวนกว่า 500 คน พร้อมบรรดาพ่อแม่และผู้ปกครองเดินทางมาให้กำลังใจลูกหลานกันอย่างคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่จนถึงเย็นเพื่อแย่งชิงโควต้าครั้งนี้ โดยมีทีมงานสตาฟฟ์โค้ชอย่าง “โค้ชโอ๋” นายสัมพันธ์ มิตรแก้ว, “โค้ชแชมป์” นายพฤทธิคุณ สุนทรนนท์, “โค้ชอ๋อน” นายมรรคพล วงศ์กมลลาไสย และ นายโสฬส อุดมสมปอง ประธานชมรมศิษย์เก่านักฟุตบอลสุทธิฯ คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งการคัดเลือกตั้งครั้งนี้ส่วนใหญ่เน้นในเรื่องของทักษะ, เบสิก, ความเข้าใจเกม การมีส่วนร่วม และ รูปร่างของเด็กๆเป็นสำคัญ ก่อนจะประกาศรายชื่อนักเตะที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกตัวในวันที่ 18 ก.พ.นี้
ทั้งนี้ “บิ๊กเอก” พลตรีกฤตพันธุ์ รักใคร่ ผอ.สำนักสวัสดิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจที่ได้เห็นภาพเด็กๆและเยาวชนมาจากทั่วประเทศให้ความสนใจมาเป็นนักฟุตบอลในแคมป์ “สิงห์สะพานปลา” จากในอดีตที่ไม่มีใครสนใจสักเท่าไหร่นักมีแค่วงดุริยางค์เท่านั้น แต่เป็นเพราะน้องๆทีมงานสตาฟฟ์โค้ชทุกคนที่ได้ช่วยกันทำงานอย่างหนัก จนสามารถพิสูจน์ตัวเองและผลงานให้ทุกคนได้เห็นว่า สถาบันแห่งนี้แม้ว่า จะไม่มีสนามฟุตบอลเหมือนโรงเรียนอื่นๆ แต่ก็สามารถเป็น “แชมป์” ได้ มันจึงเป็นอะไรที่น่าสนใจของทุกคน และอยากค้นหาว่า ที่นี่มีอะไรดี จึงต้องการเข้ามาเป็นนักเรียนและส่วนหนึ่งในความสำเร็จ อย่างไรก็ตามตนเองเป็นศิษย์เก่าดีเด่นโรงเรียนวัดสุทธิฯรุ่น 70 มีความพร้อมและยินดีให้การสนับสนุนสถาบันเก่าอันเป็นที่รักอยู่แล้ว เพราะตนเองก็ได้ดิบได้ดีและมีวิชาความรู้จากร.ร.วัดสุทธิฯ จนสอบติดเป็นนักเรียนนายร้อย จปร. และมีความชื่นชอบกีฬาฟุตบอลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อีกทั้งทีมฟุตบอลวัดสุทธิฯ มีผลงานที่ดีอย่างต่อเนื่องให้เห็นเป็นประจำ ดังนั้นจึงคิดว่า การมาใช้สถานที่ราชการแห่งนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆและเยาวชนที่อยู่ใกล้เคียงได้เจริญรอยตาม ที่สำคัญกองทัพไทยต้องการให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมและแนบชิดกันมากขึ้น โดยเฉพาะให้คนทั่วไปได้รับรู้ความเคลื่อนไหวว่า เราได้ทำประโยชน์อะไรให้กับสังคมและเยาวชนบ้าง ยิ่งในเรื่องของการศึกษาและกีฬาสามารถเดินควบคู่กันได้
นอกจากนี้ ทางกองบัญชาการกองทัพไทยก็พร้อมและยินดีให้สนามฟุตบอลแห่งนี้เป็นที่ฝึกซ้อมของนักเตะ “สิงห์สะพานปลา” ทั้งชุดเล็กและชุดใหญ่อย่างเต็มที่ เพราะนอกเหนือจากเรื่องวิชาการความรู้ทางการศึกษาที่ดีของชาว “ชมพูขาวเขียว” แล้ว กีฬาฟุตบอล คือ อีกหนึ่งความโดดเด่นของโรงเรียนแห่งนี้ ที่ทุกคนต้องช่วยกันสนับสนุนส่งเสริมให้เต็มที่ โดยเฉพาะบรรดาศิษย์เก่าทั้งหลายที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน หรือ พอมีกำลังทุนทรัพย์ควรให้การสนับสนุนน้องๆสตาฟฟ์โค้ชเหล่านี้ด้วย เนื่องจากพวกเขาต้องเสียสละเวลาส่วนตัวมาคอยดูแลนักเตะโควต้าที่อยู่เป็น 100 คนในหอพัก อีกทั้งในแต่ละวันยังต้องทำภาระกิจต่างๆเพื่อช่วยให้นักฟุตบอลทุกคนกินอิ่มนอนหลับ ลำพังตนเองคนเดียวคงไม่พอ ต้องขอความร่วมมือและร่วมแรงร่วมใจไปถึงศิษย์เก่าทุกคนด้วย เพราะสิ่งที่น้องๆเขาทำอยู่ ณ ตอนนี้ก็เพื่อส่วนรวมและเป็นชื่อเสียงของสถาบันทั้งสิ้น สำหรับตนเองหากมีอะไรช่วยเหลือนักเตะวัดสุทธิฯได้ก็พร้อมและเต็มที่เสมอ เพราะทุกคนก็เหมือนลูกๆหลานๆทั้งนั้น ซึ่งตนเองก็ดูแลเรื่องกีฬาของกองทัพไทยด้วยจึงคิดว่า ในอนาคตน่าจะมีโครงการดีๆที่สร้างสรรค์ให้กับเด็กและเยาวชนออกมาสู่สาธารณะชนต่อไป