ม้วนเดียวจบ ‘ปภังกร-แน็ปป์’ ผนึกกำลังซิวแชมป์ส่งท้ายปี

“แพตตี้” ปภังกร ธวัชธนกิจ ผนึกกำลัง เจก แน็ปป์ หนุ่มอเมริกัน จบสกอร์รอบสุดท้ายอีก 7 อันเดอร์พาต์ 65 รวมสามวันเฉือนคู่ของ อาฒยา ฐิติกุล และ ทอม คิม จากเกาหลีใต้เพียงสโตรกเดียว คว้าแชมป์กอล์ฟทีมผสมแอลพีจีเอ-แอลพีจีเอ ทัวร์ รายการแกรนท์ ธอนตัน อินวิเตชันแนล ที่ทีบูรอน กอล์ฟ คลับ ในเมืองเนเพิลส์ รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา 

           การแข่งขันกอล์ฟทีมผสมแอลพีจีเอ-แอลพีจีเอทัวร์ รายการแกรนท์ ธอนตัน อินวิเตชันแนล ที่ทีบูรอน กอล์ฟ คลับ ชิงเงินรางวัลรวม 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เล่นแบบสโตรกเพลย์ 54 หลุม มีนักกอล์ฟร่วมแข่งขัน 32 คนแบ่งเป็น 16 ทีม รูปแบบการแข่งขัน วันแรกเล่นแบบสแกรมเบิล วันที่สองโฟร์ซัมส์ และวันสุดท้ายโมดิฟายด์ โฟร์บอลล์

          ปภังกร ธวัชธนกิจ และ เจก แน็ปป์ อดีตผู้เล่นมหาวิทยาลัยยูซีแอลเอ ที่นำหลังผ่าน 36 หลุมแรก ยังทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเก็บเพิ่มอีก  7 อันเดอร์พาร์ 65 รวมสามวัน 27 อันเดอร์พาร์ 189 เฉือนคู่ของ อาฒยา ฐิติกุล และ ทอม คิม จากเกาหลีใต้ สโตรกเดียว รับเงินรางวัลไปครองคนละ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 17 ล้านบาท

          ผลงานของ แพตตี้ และ แน็ปป์ ในฤดูกาลนี้ต่างสามารถคว้าแชมป์ในทัวร์ของตนเองมาครองได้คนละ 1 รายการ และเกิดขึ้นในวันเดียวกันเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดย แพตตี้ ชนะฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ ส่วน แน็ปป์ คว้าแชมป์เม็กซิโก โอเพ่น ก่อนจะมาจับคู่กันคว้าแชมป์ประเภททีมเป็นครั้งแรกในอาชีพในรายการนี้

          ปภังกร ธวัชธนกิจ เผยหลังชัยชนะว่า   “เป็นความรู้สึกดีที่ได้เติมเต็มฤดูกาล 2024 ด้วยการคว้าแชมป์ในรายการสุดท้ายของปี  การได้ทำเล่นร่วมกับเจค มันสนุกมาก รู้สึกว่าเจคคือส่วนช่วยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการคว้าแชมป์”

          โปรสาวจากประเทศไทย ยังกล่าวถึงการเตรียมตัวในการเล่นแอลพีจีเอ ทัวร์ฤดูกาลหน้าว่า “ตื่นเต้นสำหรับฤดูกาลหน้า และรู้สึกว่าเริ่มเข้าใจอย่างชัดเจนว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องทำงานต่อ พร้อมกับเห็นทิศทางที่ชัดเจนสำหรับเกมของตัวเอง และตื่นเต้นที่จะได้พักผ่อนและกลับมาลุยงานอีกครั้งในเดือนมกราคม”    

          ส่วน อาฒยา ฐิติกุล นักกอลืฟไทยอีกคนในรายการนี้ที่จับคู่กับ ทอม คิม หรือ คิม จู-ฮยอง หนุ่มจากเกาหลีใต้ จบสกอร์รอบสุดท้าย 8 อันเดอร์พาร์ 64 รวมสามวัน 26 อันเดอร์พาร์ 190 รับเงินรางวัลไปครอคนละ 280,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 9.5 ล้านบาท