ทุบสถิติ 30 ชาติร่วมชิงชัยสองล้อถนนเอเชีย 2025
ชาติสมาชิกสมาพันธ์จักรยานแห่งเอเชีย หรือ เอซีซี 30 ประเทศแห่ส่งนักกีฬาร่วมแข่งขันกว่า 700 คนร่วมชิงชัยจักรยานประเภทถนนชิงแชมป์เอเชีย 2025 มากที่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการจัดการแข่งขันมา เนื่องจากทุกชาติเชื่อมั่นในการบริหารจัดการ และการเตรียมความพร้อมของสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ
“เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี ประธานสหพันธ์จักรยานแห่งอาเซียน หรือ เอซีเอฟ และนายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันจักรยานประเภทถนนชิงแชมป์เอเชีย 2025 ระหว่างวันที่ 7-16 กุมภาพันธ์ 2568 โดยใช้สนามจักรยานสราญจิตมงคลสุข ภายในโครงการพัฒนาบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติฯ จังหวัดพิจิตร และเส้นทางในจังหวัดพิษณุโลก เป็นเส้นทางแข่งขัน โดยเป็นการแข่งขันรุ่นประชาชน ครั้งที่ 44, รุ่นเยาวชน ครั้งที่ 31 และจักรยานคนพิการ ครั้งที่ 13
พลเอกเดชา กล่าวว่า ล่าสุด มีชาติสมาชิกสมาพันธ์จักรยานแห่งเอเชีย หรือ เอซีซี ตอบรับส่งนักกีฬาเข้าร่วมชิงชัยจำนวน 30 ประเทศ ประกอบด้วย บรูไน, กัมพูชา, จีน, ติมอร์ เลสเต, ฮ่องกง, อินเดีย, อินโดนีเซีย, อิหร่าน, อิรัก, ญี่ปุ่น, จอร์แดน, คาซัคสถาน, เกาหลีใต้, คีร์กิซสถาน, ลาว, มาเก๊า, มาเลเซีย, มองโกเลีย, เนปาล, โอมาน, ฟิลิปปินส์, ซาอุดีอาระเบีย, สิงคโปร์, ทาจิกิสถาน, ไต้หวัน, เติร์กเมนิสถาน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อุซเบกิสถาน, เวียดนาม และ “เจ้าภาพ” ไทย จำนวนนักกีฬาและเจ้าหน้าที่จากชาติที่ยืนยันจำนวนมา 22 ชาติ มากกว่า 600 คน คาดว่าหากอีก 8 ชาติยืนยันจำนวนมาครบ ยอดนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ศึกสองล้อชิงแชมป์เอเชีย 2025 น่าจะทะลุ 700 คนอย่างแน่นอน
นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ กล่าวอีกว่า จากจำนวนนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าชิงชัยศึกจักรยานประเภทถนนชิงแชมป์เอเชีย 2025 ที่มีจำนวนชาติเข้าร่วมและนักกีฬาเจ้าหน้าที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการแข่งขันจักรยานชิงแชมป์เอเชีย เป็นเพราะทุกชาติเชื่อมั่นในระบบการบริหารจัดการ และการเตรียมพร้อมของสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ ที่มีประสบการณ์ในการจัดการแข่งขันระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปัจจัยแวดล้อมในเรื่องค่าครองชีพไม่แพงนัก การเดินทางที่สะดวกสบาย เนื่องจากประเทศไทยถือว่าเป็นศูนย์กลางในการบิน ทุกชาติทั่วโลกต่างเดินทางมายังประเทศไทยได้โดยไม่มีปัญหาติดขัดอะไร รวมถึงนโยบายภาครัฐในเรื่องการตรวจคนเข้าเมืองที่อำนวยความสะดวกให้ชาวต่างประเทศเป็นอย่างดี
“การที่จำนวนนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ชาติต่าง ๆ ลงทะเบียนมามากกว่าครั้งที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ที่จังหวัดระยอง เมื่อปี 2023 และที่กรุงอัลมาตี้ ประเทศคาซัคสถาน เป็นเจ้าภาพปี 2024 ถึง 200 กว่าคน ทำให้ฝ่ายจัดการแข่งขันต้องจัดหาโรงแรมที่พักในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งจะเป็นที่พักนักกีฬาหลักเพิ่มเติมสำรองไว้อีก 2-3 โรงแรม รวมถึงวางแผนระบบการขนส่ง ทั้งการรับส่งทีมชาติต่าง ๆ จากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังจังหวัดพิษณุโลก หรือการขนส่งนักกีฬาและเจ้าหน้าที่จากจังหวัดพิษณุโลก ไปยังบึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นสนามแข่งขันหลักของศึกชิงแชมป์เอเชีย เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย” พลเอกเดชา กล่าวในที่สุด
