20 Dec 2024

‘ชาฟเฟเล่’เผยแชมป์ดิ โอเพ่น สานฝันตัวเองและคุณพ่อ

pga26072401

ซานเดอร์ ชาฟเฟเล (ภาพ: Getty Images)

ซานเดอร์ ชาฟเฟเล ครองแชมป์เมเจอร์สองรายการในปีเดียวกันหลังคว้าชัยในศึก ดิ โอเพ่น แชมเปียนชิพ หรือ บริติช โอเพ่น ที่สนามรอยัล ทูน ประเทศสกอตแลนด์ โดยทำผลงานยอดเยี่ยมในรอบสุดท้ายตี 65 เอาชนะคู่แข่งสองสโตรก เป็นแชมป์พีจีเอทัวร์ รายการที่ 9 ในอาชีพ และเป็นถ้วยเมเจอร์ที่สองของปีนี้ต่อจากพีจีเอ แชมเปียนชิพ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา 

          ชัยชนะครั้งนี้ยังตอกย้ำสถานะตัวเต็งเหรียญทองสมัยที่สองในการแข่งขันกอล์ฟโอลิมปิกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในสัปดาห์หน้า หลังเคยได้เหรียญทองที่โตเกียวเกมส์ ประเทศญี่ปุ่น และนี่คือเรื่องราวจากบล็อคส่วนตัว หรือ Player Blog ของโปรกอล์ฟชาวอเมริกันวัย 30 ปี ภายหลังจบการแข่งขันที่สกอตแลนด์

          ชาฟเฟเล เผยผ่าน Player Blog ว่า ผมตัดสินใจเลือกกอล์ฟอย่างจริงจังตอนอายุ 13 ปี พออายุประมาณ 15 หรือ 16 ปี ผมคุยกับคุณพ่อและเริ่มกำหนดเป้าหมายและความฝันที่อยากจะทำในกีฬากอล์ฟ ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว ผมกับคุณพ่อนั่งดูนักกอล์ฟคนอื่นๆ คว้าแชมป์เมเจอร์และแชมป์รายการใหญ่ด้วยกันมากมาย และเราสองคนยังพูดคุยถึงเรื่องการคว้าแชมป์ดิ โอเพ่น แชมเปียนชิพด้วย เราได้ชมภาพการเดินเข้าสู่การแข่งขันหลุม 18 ทุกปี จนกระทั่งผมได้ลงแข่งขันใน ดิ โอเพ่น ครั้งแรกในปี 2017 การคว้าแชมป์ดิ โอเพ่น ครั้งนี้ จึงเหมือนเป็นฝันที่เป็นจริงสำหรับเราทั้งสองคน 

          การเข้าสู่กรีนหลุม 18 ในวันอาทิตย์ เป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุด เมื่อเห็นชื่อตัวเองเป็นผู้นำบนสกอร์บอร์ดสีเหลือง และแฟนกอล์ฟยืนปรบมือต้อนรับ เป็นหนึ่งในความรู้สึกที่ดีที่สุดที่ผมเคยมีในชีวิต ผมรู้สึกขนลุกตอนเดินในสนาม แต่ต้องรีบดึงสติกลับมา เพราะการแข่งขันยังไม่จบ

          ผมต้องการเข้าสู่กรีนหลุมสุดท้าย โดยมีออสติน แคดดี้อยู่เคียงข้างผม เขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของผม เราคือทีมเดียวกัน ผมคือคนตีกอล์ฟ แต่สุดท้ายเมื่อจบการแข่งขัน มันคือความสำเร็จของทีม ถือเป็นบรรยากาศของทีมที่ผมอยากมีในทีมของผม ระหว่างเดินผมพยายามควบคุมสมาธิตัวเอง ในหัวของผมบอกว่าคุณกำลังจะมีช่วงเวลาที่ดีที่นี่ และคนที่คู่ควรได้แบ่งปันช่วงเวลาดี ๆ มากที่สุดก็คือออสติน

ซานเดอร์ ชาฟเฟเล (ภาพ: Getty Images)

          ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ยินชื่อตัวเองถูกเรียกว่าเป็น “แชมป์ ดิ โอเพ่น”  เพราะเป็นสิ่งที่เราใฝ่ฝันอยากเป็นมานานมาก  ผมพูดไม่ออกเลย ได้แต่มองถ้วยคาเร็ต จั๊ก และหากผมได้นั่งอยู่ในห้องพร้อมโทรฟี่เพียงคนเดียว ผมก็คงได้นั่งจ้องมองถ้วยแชมป์ และพยายามซึบซับความสำเร็จ มันน่าทึ่งมากที่ได้มาอยู่ที่นี่พร้อมกับได้ครองถ้วยคาเร็ต จั๊ก

          สุดท้ายแล้วเมื่อจบวัน มันก็เป็นเพียงผลการแข่งขันอีกวันหนึ่ง และผมก็เชื่อแบบนั้น บางครั้งสิ่งต่างๆ ก็เข้าทางเรา แต่บางครั้งก็ไม่เป็นแบบนั้น  ในการแข่งขันรอบสุดท้ายที่รอยัล ทูน ผมรู้สึกว่าผมสามารถควบคุมสถานการณ์ได้หมด เก็บแต้มได้เรื่อยๆ จนแซงขึ้นนำ และไม่มีทางที่ผมจะปล่อยให้มันหลุดลอยไป ผมตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี และต้องทำให้ได้ 

          สำหรับความพ่ายแพ้ที่ยากลำบากในอดีต ตอนที่ผมพลาดและฝันถึงแชมป์เร็วเกินไปใน 9 หลุมแรก ครั้งนี้ผมสามารถควบคุมและเปลี่ยนแปลงได้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก

          เป็นสัปดาห์ที่ยากลำบากมาก ผมคิดว่าการได้แชมป์เมเจอร์ครั้งแรกมาแล้วในรายการพีจีเอ แชมเปียนชิพ ช่วยผมได้มากในการแข่งขันช่วง 9 หลุมหลัง ผมรู้สึกสงบ มันช่วยได้มากจริง เพราะนี่คือ 9 หลุมหลังที่ยากที่สุดในชีวิตการเล่นทัวร์นาเมนท์ มันยอดเยี่ยมมากที่คว้าแชมป์เมเจอร์ 2 รายการในปีเดียว เหมือนว่าผมใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อเมเจอร์หนึ่ง ตอนนี้ได้มาสองก็เป็นอีกอย่าง

          ผมเคยพูดถึงการลงเล่นในสนามลิงค์คอร์สครั้งแรกเมื่อครั้งที่ลงแข่งขันที่สนามแบนดอน ดันส์ และผมก็ชื่นชอบการแข่งขันในสนามลิงก์คอร์สนับแต่นั้นเป็นต้นมา ผมเป็นนักสู้และชอบท้าทายตัวเอง หากใครมาปรามาสว่าผมทำไม่ได้หรอก ผมจะพยายามลบคำสบประมาทนั้นให้ได้ เป็นเรื่องที่เจ๋งมากสำหรับผมและทีมของผมก็คว้าแชมป์รายการนี้สำเร็จ

          การทำสกอร์ 65 ในรอบสุดท้าย ถือว่าสุดยอดมาก เป็นผลงานต่อรอบที่ดีที่สุดที่ผมเคยแข่งขันมา มันมีทั้งความสงบและช่วงที่เครียดสุดๆ เมื่อคุณกำลังพยายามคว้าแชมป์เมเจอร์ ผมรู้สึกถึงความเครียดเหล่านั้นในอดีต ตอนที่ผมชวดแชมป์ เพราะปล่อยให้ความเครียดเล่นงาน ครั้งนี้ผมรู้สึกว่าสามารถรับมือได้ดีในช่วงสำคัญ

          ผมต้องขอบคุณแฟนกีฬากอล์ฟด้วยเช่นกัน ผมมาอยู่สกอตแลนด์ตลอด 2 สัปดาห์ โดยลงแข่งรายการเจเนซิส สกอตติช โอเพ่น ก่อนถึงการแข่งขันดิ โอเพ่น และแฟนกอล์ฟทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าที่นี่เป็นบ้านหลังที่สองของผม และแทบรอไม่ไหวที่จะได้กลับมาที่นี่อีก ผมรู้สึกว่ามันสำคัญมากที่ได้มาอยู่ในสถานที่แบบนี้ ก่อนการแข่งขัน ดิ โอเพ่น แค่เรื่องไทม์โซนที่แตกต่างก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องผ่านให้ได้ แล้วสนามก็ท้าทาย บังเกอร์ลึกและทรายละเอียด นอกจากนี้ยังมีเรื่องของลมและกรีนช้าอีก ทุกอย่างแตกต่างจากสหรัฐอเมริกาโดยสิ้นเชิง

          ดังนั้นเพื่อการปรับตัว จึงต้องให้เวลาเพิ่ม 1 สัปดาห์  มีตัวแปรมากมายเข้ามามีบทบาท สำหรับผมการคว้าแชมป์สกอตติช โอเพ่น ในปี 2022 ยิ่งใหญ่มาก เพราะมันหมายความว่าเกมการเล่นของผมสามารถไปแข่งที่ไหนก็ได้ ดังนั้นการมาได้แชมป์ที่สกอตแลนด์ครั้งที่สองและเป็นแชมป์เมเจอร์ด้วย มันยิ่งเจ๋งมากขึ้นไปอีก  ในท้ายที่สุดแล้ว มันทำให้รู้สึกว่าทุกอย่างคุ้มค่า และผมดีใจมากที่ได้ฉลองร่วมกับทุกคนในครอบครัว เพราะภรรยาของผมก็มาอยู่ที่นี่ด้วย รวมทั้งคุณพ่อคุณแม่ พี่ชาย และลุงของผม