‘ภวินท์ อิงคะประดิษฐ์’ จากมันเดย์ควอลิฟายสู่แชมป์ไทยพีจีเอทัวร์

ภวินท์ อิงคะประดิษฐ์ นักกอล์ฟวัย 32 ปีจากสุพรรณบุรี ผงาดแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์รายการแรกในชีวิต หลังเก็บเบอร์ดี้บนกรีนหลุมสุดท้ายก่อนจบรอบ 6 อันเดอร์พาร์ 66 รวมสามวัน 16 อันเดอร์พาร์ 200 คว้าชัยชนะ 1 สโตรก ในรายการนครนายก แชมเปียนชิพ ชิงเงินรางวัลรวม 3 ล้านบาท ณ สนามวอเตอร์มิลล์ กอล์ฟ คลับ แอนด์ รีสอร์ท ระยะ 7,186 หลา พาร์ 72 จ. นครนายก เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567

          ภวินท์ อิงคะประดิษฐ์ ซึ่งออกสตาร์ตรอบสุดท้ายด้วยการตามหลังผู้นำ 2 สโตรก เร่งเครื่องเร็วในช่วงเก้าหลุมแรก โดยเฉพาะการเก็บ 5 เบอร์ดี้ใน 6 หลมนับตั้งแต่หลุม 3 จากนั้นไปได้เบอร์ดี้เพิ่มที่หลุม 10 และพลาดเสียโบกี้เดียวของวันที่หลุม 11 ก่อนจะปิดทัวร์นาเมนต์ด้วยเบอร์ดี้พัตต์บนกรีนหลุมสุดท้ายที่ส่งให้เขาจบรอบสุดท้าย 6 อันเดอร์พาร์ 66 รวมสี่วันคว้าชัยชนะ 1 สโตรกด้วยสกอร์รวม 16 อันเดอร์พาร์ 200 รับเงินรางวัลไปครอง 360,000 บาท

          นักกอล์ฟวัย 32 ปีจากสุพรรณบุรี ซึ่งเข้ามาเล่นในนครนายก แชมเปียนชิพ ผ่านมันเดย์ควอลิฟาย จนสามารถคว้าแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์รายการแรกในอาชีพได้ในที่สุด อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้นเขาเคยคว้าแชมป์รายการของออลไทยแลนด์กอล์ฟทัวร์มาแล้ว 3 รายการ ซึ่งชัยชนะครั้งหลังสุดของเขาเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนตุลาคม 2020 ที่ ลากูน่า ภูเก็ต  วลีแรกหลังกลับมาชนะอีกครั้งเจ้าตัวบอกว่า “ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบคุณครอบครัวของผม คุณพ่อ คุณแม่ โดยเฉพาะภรรยาและลูก 2 คนที่เชียร์อยู่ที่บ้าน”

          ภวินท์ยอมรับว่าในช่วงปีที่ผ่านมาผลงานของเขาตกลงไป ซึ่งไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับเกมการเล่น แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับสภาพจิตใจ “ทัวร์นาเมนต์นี้สามารถนำตัวเองกลับมาเล่นได้ดี คิดว่าอยู่ที่เรื่องการเรียกสมาธิตัวเองกับมาอยู่กับเกมให้มาก พยายามอยู่กับสมาธิ ระบบจิตวิทยาของตัวเอง ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่ามันทำให้ผลที่ออกมานั้นดีขึ้น”

          นักกอล์ฟจากสุพรรณบุรี บอกด้วยว่าโฟกัสในปีนี้ของเขาอยู่ที่ เอเชียนดีเวลล็อปเมนต์ทัวร์ หรือ เอดีที ทัวร์รองของเอเชียนทัวร์ “ปีนี้คงต้องตามเล่นเอดีทีครับ เพราะปีที่ผ่านมาผมเพิ่งเสียเอเชียนทัวร์คาร์ดไป ดังนั้นเป้าหมายใหญ่ของปีนี้คือต้องจบฤดูกาลเอเชียนดีเวลล็อปเมนต์ทัวร์ด้วยการติดท็อปเทนให้ได้ เพื่อจะได้กลับไปเล่นในเอเชียนทัวร์อีกครั้ง”

          ส่วน จักรนาถ อินมี นักกอล์ฟวัย 22 ปีจากประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาเพิ่งคว้าแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์รายการแรกในชีวิตในการแข่งขันที่สิงห์ปาร์ค ขอนแก่น เปิดซีซั่นได้อย่างน่าประทับใจด้วยการจบสกอร์ 6 อันเดอร์พาร์ 66 เป็นวันที่สองติดต่อกัน รวมสามวันจบอันดับสอง ด้วยสกอร์รวม 15 อันเดอร์พาร์ 201 รับเงินรางวัลไป 198,000 บาท

          ทางด้าน วงศกร พิกุลสวัสดิ์ หนุ่มวัย 31 ปีจากนครราชสีมา ที่เริ่มวันในฐานะผู้นำร่วม เข้ารอบสุดท้ายเก็บเพิ่มเพียง 2 อันเดอร์พาร์ 70 จบการแข่งขันในอันดับสามร่วมกับ นพรัฐ พานิชผล และ แดนไท บุญมา ที่สกอร์รวม 14 อันเดอร์พาร์ 202 โดยในรอบสุดท้าย นพรัฐ และ แดนไท ทำเข้ามา 7 อันเดอร์พาร์ 65 และ 4 อันเดอร์พาร์ 68 ตามลำดับ

          สำหรับ ประหยัด มากแสง จอมเก๋าวัย 58 ปีจากหัวหิน 1 ใน 2 ผู้นำร่วมก่อนเริ่มรอบสุดท้ายหลังโชว์ทีเด็ดหวด 8 อันเดอร์พาร์ 28 ในเก้าหลุมสุดท้ายของรอบสอง เข้ารอบสุดท้าย ประหยัดยังเกาะลีดเดอร์บอร์ดโดยเฉพาะอีเกิ้ลที่หลุม 10 ทว่าในช่วงหกหลุมสุดท้ายประหยัดเสียไปถึง 3 สโตรก ส่งผลให้ห้จบรอบสุดท้ายเกินไป 1 โอเวอร์พาร์ 73 จบอันดับสิบสองร่วมกับ แสงชัย แก้วเจริญ (70) แชมป์ทำเงินไทยพีจีเอทัวร์ 2023 และ รฐนน วรรณศรีจันทร์ (68) อดีตแชมป์ที่สิงห์ปาร์ค ขอนแก่น เมื่อปี 2020

          สรุปผลนครนายก แชมเปียนชิพ 2024 (สนามพาร์ 72)

          200  ภวินท์ อิงคะประดิษฐ์ 65-69-66 (เงินรางวัล 360,000 บาท)

          201  จักรนาถ อินมี 69-66-66 (เงินรางวัล 198,000 บาท)

          202  นพรัฐ พานิชผล 71-66-65, แดนไท บุญมา 67-67-68, วงศกร พิกุลสวัสดิ์ 66-66-70 (เงินรางวัลคนละ 104,233.33 บาท)

          203  พล เขมรัตน์ 69-70-64, สุรดิษ ยงค์เจริญชัย 71-67-65, วรุณ เอี่ยมแก้ว 68-65-70 (เงินรางวัลคนละ 67,500 บาท)

          204  วิชยานนท์ โชติหิรัญรุ่งเรือง 71-66-67, ณัฐวัฒน์ สุวจนกรณ์ 68-68-68, กุณช์ธณัฎ พนาดร 69-67-68 (เงินรางวัลคนละ 49,533.33 บาท)

          205  รฐนน วรรณศรีจันทร์ 69-68-68, แสงชัย แก้วเจริญ 68-67-70, ประหยัด มากแสง 67-65-73 (เงินรางวัลคนละ 43,050 บาท)

          206  ขวัญชัย กองทวี 71-68-67, ภูสิทธิ์ ทรัพย์อัประไมย 72-67-67, กัมลาศ นาเมืองรักษ์ 73-67-66, จักรพันธุ์ เปรมสิริกรณ์ 70-71-65, นิติธร ทิพย์พงษ์ 67-70-69, ศรัณย์ ศิริธร 68-68-70, รณชัย จำนงค์ 71-65-70, ชนม์เจริญ บารมีธนเศรษฐ์ 69-66-71, ภัทรพล ขันทะชา 67-68-71 (เงินรางวัลคนละ 36,483.33 บาท)